วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รีวิวไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ฉบับเด็กโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนกรุงเทพมหานครกับจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2560

รีวิวไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ฉบับเด็กโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนกรุงเทพมหานครกับจังหวัดไอจิ  ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2560 
     สวัสดีค่ะ วันนี้ก็จะมารีวิวไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ฉบับเด็กโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนกรุงเทพมหานครกับจังหวัดไอจิ  ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2560 

ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทางกองการต่างประเทศครับ ที่จัดโครงการดีๆแบบนี้ขึ้นมา ทำให้นักเรียนอย่างเราได้มีโอกาศในการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆที่หาไม่ได้ในห้องเรียนค่ะ


          การเดินทางไปไอจินั้นเราเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2560 ครับ โดยที่มีการนัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปไอจิ ประเทษญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 เวลาสามทุ่มตรง เครื่องออกเวลา 00:05 นาฬิกา 

ณ ตอนอยู่บนเครื่องบิน
ดิฉันและคณะก็ได้เดินทางไปถึง Chubu Centrair International Airport เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 8.00 น. ค่ะ(เวลาที่ญี่ปุ่นเดินเร็วกว่าเวลาในไทยอยู่ 2 ชั่วโมงนะค่ะ เพราะฉะนั้น 8.00 น.ของญี่ปุ่น ก็คือ 6.00 น.ในเวลาไทยค่ะ) ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง 25 นาทีโดยประมาณค่ะ

สัมผัสแรกที่ถึงญี่ปุ่นอากาศที่นั้นเย็นมากค่ะประมาณ10-20องศา ต่างจากบ้านเรามากค่ะ พอถึงสนามบินก็มีรถจากทางการมารับเพื่อไปพบผู้ว่าที่จังหวัดไอจิ
                                 สนามบิน
ที่ว่าการจังหวัดไปจิ

วันแรกที่ไปถึงก็จะมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ต้องไปพบปะกับผู้คนและสถานที่ต่างๆ

-Day 1-

สถานที่แรกคือ มหาวิทยาลัย
นาโกย่า

ต่อมารับประทานอาหารที่มหาลัยนาโกย่าและพบกับนักเรียนไทยที่เรียนที่มหาวิมยาลัยนาโกย่า


ต่อมาพี่ที่นำคณะก็พาเดินชมรอบๆมหาวิทยาลัยนาโกยาแวะชมพิพิตภัณฑ์และชมห้องสมุดของมหาวิทยาลัยนาโกย่า
ห้องสมุดมีความเงียบมาก

ต่อมาก็กลับมาที่ว่าการจังหวัดไอจิเพื่อพบผู้ว่าของจังหวัดไอจิและแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่น

ต่อจากนั้นก็ออกเดินทางจากที่ว่าการจังหวัดไอจิไปรับประทานอาหารเย็นต่อ
  
แล้วกลับถึงที่พักเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆได้ โรงแรมดีมากมีทุกอย่างพร้อมและพนักงานตอนรับดีมากค่ะ

-Day2-

ส่วนวันที่สองก็จะเป็นที่พาไปเที่ยวหาความรู้และประสบการณ์ที่แปลกใหม่
ที่แรกก็คือ ปราสาทนาโกย่า


สถานที่ที่สองคือ วัดนิไทยจิ คือวัดที่ รัชกาลที่5 ได้มาสร้างไว้ที่จังหวัดไปจิ


สถานที่ที่สามคือ โตโยต้า เป็นแหล่งที่ผลิตรถยนต์โตโยต้าที่ส่งออกต่างประเทศหลายๆประเทศ

และไปรับ อีโคฟูทาว์น อีกที่หนึ่งเพราะเป็นที่ผลิตรถประหยัดพลังงานบ้านประหยัดพลังงานโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์


หลังจากนั้นก็ไปรับปะทานอาหารเย็นที่ อีออลมอล์



  เมื่อหลับประทานอาหารเสร็จช็อปปิ้งเสร็จก็กลับเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวไปทำกิจกรรมในวันที่สาม

-Day3-
ส่วนในวันที่สามก็จะได้พบกับนักเรียนญี่ปุ่นที่มาร่วมทำกิจกรรมกับเราและพาเราเที่ยวในระแวกบริเวรโรงแรมเพราะเหมือนใกล้กับพวกห้างดองกี้ โอเอซิส



แล้วนักเรียนญี่ปุ่นก็กลับพาเรามาส่งที่โรงแรมเหมือนเดิมเพื่อนเตรียมกินเลี้ยงกับ โฮสแฟมมิลี่ และไปพักที่บ้านโฮส 3วัน2คืน

-Day3 Day4 and Day5-
สองวันนี้ก็จะอยู่บ้านโฮสซึ่งแต่ละคนจะได้โฮสคนละคนว่าจะพาไปไหนพาไปทำอะไร การอยู่กับโฮส จะทำให้เราได้ฝึกภาษาไปในตัวเพราะไม่มีคนไทยที่จะคุยกะเราคือเราต้องช่วยตัวเราเอง แต่ส่วนที่โฮสพาไปเที่ยวคือไปดูใบไม้ล่วงไปดื่มชาเขียวแบบเก่าแก่การทำผ้าเช็ดหน้า




วันสุดท้ายที่อยู่บ้านโฮส คือ ได้ทำทาโกยากิทำอาหารกับโฮส การที่เราได้ประสบการณ์แบบนี้หายากมากนะค่ะดิฉันเป็นคนนึงที่อยากอยู่บ้านโฮสจนไม่อยากกลับเพราะโฮสดูแลดีมากใจดีมากจนเรารู้สึกเกรงใจเขามากและพอตกเย็นโฮสก็นำดิฉันมาส่งที่โรงแรม

-Day6-

วันนี้เป็นที่ทำกิจกรรมวันสุดท้ายก่อนที่อีกวันจะบินกลับประเทศไทย ดิฉันได้ไปเรียนกลับนักเรียนโรงเรียนม.ปลาย คือ โรงเรียน seto nichi hishcool ที่เปิดมา40ปีนักเรียนที่นี้เป็นกันเองมาก ตั้งใจเรียน สดใส น่ารัก ร่าเริง



ได้รับประทานอาหารกลางวันกับนักเรียนอีกด้วย
ส่วนตอนบ่ายเป็นวิชาชมรม ฉันได้เข้าพิธีชงชาของญี่ปุ่น



อีกสิ่งที่ประทับใจมากคือการตอนรับในช่วงตอนบ่าย นักเรียน ม.ปลายของญี่ปุ่น มาตอนรับในโรงยิมซึ่งมีดนตรีประกอบและมีให้ของที่ระลึกอีกด้วย

และยังมาส่งขึ้นรถบ้างคนวิ่งตามรถเพื่อโบกมือลาเป็นภาพที่ประทับใจมากค่ะ


ส่วนวันที่เจ็ดก็คือวันเดินทางกลับประเทศไทยทุกคนต่างมีของฝากเยอะมากรวมถึงฉัน ขอขอบคุณประสบการณ์ดีและโครงการดีๆอย่างงี้ที่ทำให้เราได้ความรู้อย่างมากมายและอยากให้มีโครงการแลกเปลี่ยนให้คนรุ่นหลังได้ไปอีกแล้วกลับมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปว่ารู้สึกยังไงกันนะค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามารับชม การรีวิวของดิฉันค่ะ
ดิฉัน นางสาว ญาดา หอมขจร 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น